http://www.dressupmyspace.com/
http://www.kiki.thcity.com/web-k/ajonsak/4.htm
http://home.kku.ac.th/hslib/412141/internet/webmail11.htm
http://www.wallcoo.com/
http://www.sa.ac.th/elearning/index79.htm
music video ทำเอง
วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
ข้อสอบคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ( ตอน 7.Chat)
รู้จัก Chat room
อินเทอร์เน็ต นอกจากจะให้เราได้ค้นหาข้อมูล งานวิจัยต่าง ๆได้มากมายแล้ว ก็ยังหาเพื่อนสนิทชนิดที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนได้ หรือเพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ความคิดเห็น หรือปรึกษาปัญหา ก็ตามแต่ การ Chat ก็คือเป็นกิจกรรมยอดฮิตกิจกรรมหนึ่งเลยทีเดียวบางคนอาจแค่คุยกับใครสักคนแก้เซ็ง แต่บางคนอาจจะคุยกับเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่อยู่ไกลกันเพื่อประหยัดค่าโทรศัพท์ทางไกล (แต่ก็ลงทุนเสียค่าอินเทอร์เน็ตแทน) “Chat” ในภาษาอังกฤษ แปลว่า สนทนาอย่างเป็นกันเอง สำหรับในอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน ต่างกันเพียงแค่เป็นการคุยโดยใช้วิธีพิมพ์ข้อความลงไปเท่านั้น ไม่ได้ใช้เสียง แต่ก็มีบางโปรแกรมที่สามารถคุยแล้วสามารถเห็นหน้ากัน หรือแม้แต่ได้ยินเสียง อาทิเช่น โปรแกรม ICQ ,Net meeting เป็นต้น ซอฟต์แวร์ประเภทนี้บางตัวคล้าย กับการใช้ห้องสนทนาตามเว็บไซต์ เช่น ICQ ซึ่งมีทั้งความเป็นส่วนตัวโดยการส่งเมสเสจคุยกัน หรือจะรวมกลุ่มเปิดห้องสนทนากันหลายๆ คนก็ได้ถ้าต้องการ แต่ซอฟต์แวร์บางตัวก็เป็นการสนทนากันด้วยเสียงคำพูด(ต้องมีไมโครโฟน) หรือไม่ก็เป็นวิดีโอภาพ(ต้องใช้เว็บแคม)
รูปแบบการ Chat
Chat ตามเว็บไซต์ เราสามารถเข้าไปสนทนากันได้ที่เว็บไซต์ที่จัดให้บริการห้องสนทนา วิธีนี้ไม่ยุ่งยากอะไร ไม่ต้องเสียเงิน โดยเข้าไปในเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีห้องสนทนาให้ เช่น http://www.thaiirc.in.th/ วิธีการก็แค่ เลือกห้องสนทนาที่ต้องการ แล้วลงชื่อ จากนั้นก็จะสามารถเข้าไปสนทนาได้ทันที โดยเป็นการคุยตอบโต้ระหว่างกันผ่านเซิร์ฟเวอร์ โดยใช้บราวเซอร์ปกติ เหมือนท่องอินเทอร์เน็ตทั่วไป โดยนิยาม Text Chat คือ คุณจะต้องพิมพ์ข้อความที่จะคุยลงไปแล้วอีกฝ่ายก็จะตอบกลับมาเป็นข้อความเช่นกัน แต่วิธีการนี้มีข้อเสียคือ จะมีผู้อื่นอยู่ร่วมห้องสนทนากับเราด้วย และผู้อื่นก็สามารถที่จะอ่านได้และเราเองก็จะสามารถอ่านข้อความสนทนาของผู้อื่นได้เช่นกัน และถ้ามีคนอยู่ในห้องสนทนานั้นมากๆ ก็จะทำให้ช้า หรือไม่ก็ทำให้เราอ่านข้อความของคู่สนทนาของเราไม่ทัน ใช้โปรแกรม Chat โดยเฉพาะ การสนทนากันโดยใช้โปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการคุยโดยเฉพาะ ซึ่งมีความสามารถในการคุยสูงกว่าห้องสนทนาตามเว็บไซต์ ตัวอย่างโปรแกรมก็เช่น ICQ, MSN Messenger เป็นต้น โปรแกรม ICQ และ MSN Messenger เป็นโปรแกรมยอดนิยมซึ่งนักเล่นอินเทอร์เน็ตมีกันเกือบทุกคน (100 ล้านกว่าคนทั่วโลกมีโปรแกรมนี้ใช้) มีความสามารถหลากหลาย และตัวนี้เป็นฟรีซอฟต์แวร์ นอกจากนั้นยังมีโปรแกรม Chat ยอดนิยมที่นักเล่นอินเทอร์เน็ตนิยมใช้กันอีกหลายโปรแกรมเช่น Pirch และ mIRC
เสริมความรู้เรื่อง Chat (IRC - Internet Relay Chat)
Internet Relay Chat หรือ IRC คือ ระบบเครือข่าย (ผู้ใช้บริการ/ผู้ให้บริการ) อำนวยความสะดวกในการสื่อสารคุยกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันในลักษณะ การส่งข้อความโต้ตอบกัน ผู้ใช้งานสามารถที่จะจัดตั้ง Channel , ห้องหรือกลุ่มของตัวเองในการที่จะคุยพร้อมๆ กันหลายๆ คน หรือต้องการคุยในลักษณะส่วนตัวก็สามารถที่จะทำได้ หลังจากที่ท่านเข้าสู่ระบบ Internet แล้ว ผู้ใช้งานที่มีความประสงค์ที่จะใช้งาน IRC จำเป็นที่จะต้องทำการ Join หรือติดต่อกับ Server ที่ให้บริการ IRC เสียก่อน เพื่อให้ Server IRC นั้นเป็นตัวกลางในการส่งข้อความจากท่านไปยังเพื่อนๆ ของท่าน ผ่านโปรแกรมใช้งาน IRC ในฝั่ง ผู้ใช้งานทั่วไป นั้นก็มีด้วยกันหลายโปรแกรม อาทิเช่น IRC II , PIRCH , MIRC , MsChat และอื่นๆ จากนั้นก็สามารถคุยกันได้อย่างสนุกสนาน
ข้อควรระวังในการสนทนาใน Chat Room:
Chat Room เป็นสถานที่สาธารณะ สำหรับทุกคนบนอินเตอร์เน็ต ที่จะได้สนทนากัน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นมารยาทในการสนทนาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ทุกคนควรจะปฏิบัติกัน จริงๆ แล้วมันก็เหมือนการสนทนาทั่วๆ ไป ผู้สนทนาจะต้องมีจิตสำนึกในการรักษามารยาท อย่างไรก็ตามก็มีบางอย่างที่จะต้องปฏิบัติ เพื่อเตือนสติ “แชต” เป็นรูปแบบการสื่อสารอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยทำงาน การแชตสามารถเป็นอันตรายสำหรับคนทุกวัยได้ ข้อกำหนดดังกล่าวข้างตนสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในเด็กและก็ผู้ใหญ่ แต่ทั้งนี้เด็กๆก็ควรเล่นแชตโดยอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองอยู่เสมอ ผู้ปกครองควรดูแลการใช้งานการแชตของเด็ก เพราะเด็กๆสามารถแชตได้ด้วยการใช้งานซอฟต์แวร์แชต โทรศัพท์มือถือ และให้เด็กๆแชตในเนื้อหาที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กๆ การใช้โปรแกรมแชตช่วยทำให้เราติดต่อสื่อสารกันสะดวกมากขึ้นก็จริง แต่ก้อมีข้อเสียในเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบางอย่างอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราต้องใช้โปรแกรมแชตอย่างระมัดระวัง
1. ก่อนที่จะเริ่มพิมพ์ คุณควรจะสำรวจการสนทนาของกลุ่ม ที่คุณจะเข้าไปสนทนาด้วยว่าคุณชอบมากแค่ไหน ซึ่งคุณมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนกลุ่มคุยได้
2. สนทนาด้วยคำพูดสุภาพนะครับ
3. อย่าแสดงอาการเห็นแก่ตัวในการสนทนา หรือพิมพ์ประโยคยาวเกินไป ถ้าคุณต้องการบรรยายประโยคยาวๆ เราแนะนำว่าคุณควรจะแบ่งเป็นประโยคสั้น แล้วอาศัยการเว้นถ้อยคำ เช่น : "มีใครเคยได้ยินเรื่องนี้มั้ย...""มีชายสามคนเดินเข้าไปในป่า..."
4. อย่าละเลยการสนทนา ถ้ามีคนถาม ก็ตอบกลับด้วย
5. ห้ามใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดในการสนทนา เพราะเปรียบเสมือนคุณกำลังตะโกนออกไป ควรใช้ตัวพิมพ์ใหญ่อย่างถูกต้อง
6. อย่าแสดงอาการโอ้อวดในวงสนทนา คุณอาจจะถูกแตะออกจากวงสนทนาได้
7. ศึกษาการใช้ตัวย่อหรือสัญลักษณ์แสดงอารมณ์ จะช่วยให้คุณพิมพ์ประโยคได้สั้นลง
8. พยายามอย่าดึงการสนทนาให้ช้า ถ้าคุณไม่ว่างหรือติดธุระชั่วขณะ ควรแจ้งให้คู่สนทนาทราบด้วย
9. เพื่อความปลอดภัยของคุณ อย่าใช้ชื่อเล่นที่ชักจูงความสนใจมากเกินไป
10.ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชาย หรือ ผู้หญิง อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่บ้าน ที่ทำงาน หรือ อื่นๆ 11. ข้อควรระวังในการตั้งชื่อเพื่อการใช้งาน Sanook! QQ แต่ละตัว เราไม่ควรตั้งชื่อที่แสดงถึงข้อมูลส่วนตัวใดๆของเรา ชื่อเล่นที่ใช้ควรจะเป็นชื่ออะไรก้อได้ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็น ชื่อเล่น เช่น Smartgirl แทนที่จะเป็น Joy2531
12. ระมัดระวังในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวที่มีความสำคัญ เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือรหัสผ่าน ในการพูดคุยใน QQ
13. หากตัดสินใจที่จะพูดคุยหรือนัดพบกับคนแปลกหน้า ขอให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยไว้ด้วย ตัวอย่างเช่น อย่าไปพบกับบุคคลนั้นเพียงคนเดียว (พาเพื่อนหรือผู้ปกครองไปด้วย) นัดพบกันในสถานที่สาธารณะเพื่อความปลอดภัย เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารต่างๆ ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก
14. โปรแกรมแชตบางรายสามารถเชื่อมโยงชื่อใช้งานเข้ากับชื่ออีเมล์ของคุณที่ใช้จดทะเบียน ดังนั้น ยิ่งชื่ออีเมล์ถูกคนเข้าถึงได้มากเท่าไหร่ ก็อาจมีโอกาสได้รับ สแปมเมล์และ ถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การใช้โปรแกรมแชตคิวคิวนั้นปลอดภัยกว่าการใช้โปรแกรมแชตอื่นๆ เพราะผู้อื่นไม่สามารถรู้อีเมล์ของผู้ใช้ได้ อย่างไรก็ตามผู้ใช้ควรจะมีมาตรการป้องกันตัวเองจากข้อความที่ไม่พึงประสงค์ อย่าให้เผลอชื่อและอีเมล์แก่คนแปลกหน้า
15. ไม่ควรเปิดหรือดาวน์โหลดรูปภาพ ไฟล์ต่างๆ หรือคลิกที่ลิงก์ในข้อความที่ส่งมาจากบุคคลที่ไม่รู้จัก และหากมาจากบุคลที่รู้จักก็ควรจะสอบถามกับผู้ส่งว่าได้ส่งข้อความและสิ่งที่แนบมาจริงหรือไม่ หากไม่ใช่ให้ปิดโปรแกรมนั้นทันที
16. หากใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะตามร้าน Internet café ทั่วไป อย่าเลือกตัวเลือกที่อนุญาตให้เข้าระบบได้โดยอัตโนมัติ คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ถัดไปอาจจะใช้ชื่อของเราเข้าระบบได้
17. เราควรตรวจสอบเงื่อนไขและระเบียบข้อบังคับต่างๆ ในการใช้งาน และระเบียบการรักษาความเป็นส่วนตัวก่อนที่จะเข้าไปแชต
ตัวอย่าง โปรแกรมการใช้ Chat
อินเทอร์เน็ต นอกจากจะให้เราได้ค้นหาข้อมูล งานวิจัยต่าง ๆได้มากมายแล้ว ก็ยังหาเพื่อนสนิทชนิดที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนได้ หรือเพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ความคิดเห็น หรือปรึกษาปัญหา ก็ตามแต่ การ Chat ก็คือเป็นกิจกรรมยอดฮิตกิจกรรมหนึ่งเลยทีเดียวบางคนอาจแค่คุยกับใครสักคนแก้เซ็ง แต่บางคนอาจจะคุยกับเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่อยู่ไกลกันเพื่อประหยัดค่าโทรศัพท์ทางไกล (แต่ก็ลงทุนเสียค่าอินเทอร์เน็ตแทน) “Chat” ในภาษาอังกฤษ แปลว่า สนทนาอย่างเป็นกันเอง สำหรับในอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน ต่างกันเพียงแค่เป็นการคุยโดยใช้วิธีพิมพ์ข้อความลงไปเท่านั้น ไม่ได้ใช้เสียง แต่ก็มีบางโปรแกรมที่สามารถคุยแล้วสามารถเห็นหน้ากัน หรือแม้แต่ได้ยินเสียง อาทิเช่น โปรแกรม ICQ ,Net meeting เป็นต้น ซอฟต์แวร์ประเภทนี้บางตัวคล้าย กับการใช้ห้องสนทนาตามเว็บไซต์ เช่น ICQ ซึ่งมีทั้งความเป็นส่วนตัวโดยการส่งเมสเสจคุยกัน หรือจะรวมกลุ่มเปิดห้องสนทนากันหลายๆ คนก็ได้ถ้าต้องการ แต่ซอฟต์แวร์บางตัวก็เป็นการสนทนากันด้วยเสียงคำพูด(ต้องมีไมโครโฟน) หรือไม่ก็เป็นวิดีโอภาพ(ต้องใช้เว็บแคม)
รูปแบบการ Chat
Chat ตามเว็บไซต์ เราสามารถเข้าไปสนทนากันได้ที่เว็บไซต์ที่จัดให้บริการห้องสนทนา วิธีนี้ไม่ยุ่งยากอะไร ไม่ต้องเสียเงิน โดยเข้าไปในเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีห้องสนทนาให้ เช่น http://www.thaiirc.in.th/ วิธีการก็แค่ เลือกห้องสนทนาที่ต้องการ แล้วลงชื่อ จากนั้นก็จะสามารถเข้าไปสนทนาได้ทันที โดยเป็นการคุยตอบโต้ระหว่างกันผ่านเซิร์ฟเวอร์ โดยใช้บราวเซอร์ปกติ เหมือนท่องอินเทอร์เน็ตทั่วไป โดยนิยาม Text Chat คือ คุณจะต้องพิมพ์ข้อความที่จะคุยลงไปแล้วอีกฝ่ายก็จะตอบกลับมาเป็นข้อความเช่นกัน แต่วิธีการนี้มีข้อเสียคือ จะมีผู้อื่นอยู่ร่วมห้องสนทนากับเราด้วย และผู้อื่นก็สามารถที่จะอ่านได้และเราเองก็จะสามารถอ่านข้อความสนทนาของผู้อื่นได้เช่นกัน และถ้ามีคนอยู่ในห้องสนทนานั้นมากๆ ก็จะทำให้ช้า หรือไม่ก็ทำให้เราอ่านข้อความของคู่สนทนาของเราไม่ทัน ใช้โปรแกรม Chat โดยเฉพาะ การสนทนากันโดยใช้โปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการคุยโดยเฉพาะ ซึ่งมีความสามารถในการคุยสูงกว่าห้องสนทนาตามเว็บไซต์ ตัวอย่างโปรแกรมก็เช่น ICQ, MSN Messenger เป็นต้น โปรแกรม ICQ และ MSN Messenger เป็นโปรแกรมยอดนิยมซึ่งนักเล่นอินเทอร์เน็ตมีกันเกือบทุกคน (100 ล้านกว่าคนทั่วโลกมีโปรแกรมนี้ใช้) มีความสามารถหลากหลาย และตัวนี้เป็นฟรีซอฟต์แวร์ นอกจากนั้นยังมีโปรแกรม Chat ยอดนิยมที่นักเล่นอินเทอร์เน็ตนิยมใช้กันอีกหลายโปรแกรมเช่น Pirch และ mIRC
เสริมความรู้เรื่อง Chat (IRC - Internet Relay Chat)
Internet Relay Chat หรือ IRC คือ ระบบเครือข่าย (ผู้ใช้บริการ/ผู้ให้บริการ) อำนวยความสะดวกในการสื่อสารคุยกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันในลักษณะ การส่งข้อความโต้ตอบกัน ผู้ใช้งานสามารถที่จะจัดตั้ง Channel , ห้องหรือกลุ่มของตัวเองในการที่จะคุยพร้อมๆ กันหลายๆ คน หรือต้องการคุยในลักษณะส่วนตัวก็สามารถที่จะทำได้ หลังจากที่ท่านเข้าสู่ระบบ Internet แล้ว ผู้ใช้งานที่มีความประสงค์ที่จะใช้งาน IRC จำเป็นที่จะต้องทำการ Join หรือติดต่อกับ Server ที่ให้บริการ IRC เสียก่อน เพื่อให้ Server IRC นั้นเป็นตัวกลางในการส่งข้อความจากท่านไปยังเพื่อนๆ ของท่าน ผ่านโปรแกรมใช้งาน IRC ในฝั่ง ผู้ใช้งานทั่วไป นั้นก็มีด้วยกันหลายโปรแกรม อาทิเช่น IRC II , PIRCH , MIRC , MsChat และอื่นๆ จากนั้นก็สามารถคุยกันได้อย่างสนุกสนาน
ข้อควรระวังในการสนทนาใน Chat Room:
Chat Room เป็นสถานที่สาธารณะ สำหรับทุกคนบนอินเตอร์เน็ต ที่จะได้สนทนากัน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นมารยาทในการสนทนาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ทุกคนควรจะปฏิบัติกัน จริงๆ แล้วมันก็เหมือนการสนทนาทั่วๆ ไป ผู้สนทนาจะต้องมีจิตสำนึกในการรักษามารยาท อย่างไรก็ตามก็มีบางอย่างที่จะต้องปฏิบัติ เพื่อเตือนสติ “แชต” เป็นรูปแบบการสื่อสารอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยทำงาน การแชตสามารถเป็นอันตรายสำหรับคนทุกวัยได้ ข้อกำหนดดังกล่าวข้างตนสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในเด็กและก็ผู้ใหญ่ แต่ทั้งนี้เด็กๆก็ควรเล่นแชตโดยอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองอยู่เสมอ ผู้ปกครองควรดูแลการใช้งานการแชตของเด็ก เพราะเด็กๆสามารถแชตได้ด้วยการใช้งานซอฟต์แวร์แชต โทรศัพท์มือถือ และให้เด็กๆแชตในเนื้อหาที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กๆ การใช้โปรแกรมแชตช่วยทำให้เราติดต่อสื่อสารกันสะดวกมากขึ้นก็จริง แต่ก้อมีข้อเสียในเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบางอย่างอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราต้องใช้โปรแกรมแชตอย่างระมัดระวัง
1. ก่อนที่จะเริ่มพิมพ์ คุณควรจะสำรวจการสนทนาของกลุ่ม ที่คุณจะเข้าไปสนทนาด้วยว่าคุณชอบมากแค่ไหน ซึ่งคุณมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนกลุ่มคุยได้
2. สนทนาด้วยคำพูดสุภาพนะครับ
3. อย่าแสดงอาการเห็นแก่ตัวในการสนทนา หรือพิมพ์ประโยคยาวเกินไป ถ้าคุณต้องการบรรยายประโยคยาวๆ เราแนะนำว่าคุณควรจะแบ่งเป็นประโยคสั้น แล้วอาศัยการเว้นถ้อยคำ เช่น : "มีใครเคยได้ยินเรื่องนี้มั้ย..."
4. อย่าละเลยการสนทนา ถ้ามีคนถาม ก็ตอบกลับด้วย
5. ห้ามใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดในการสนทนา เพราะเปรียบเสมือนคุณกำลังตะโกนออกไป ควรใช้ตัวพิมพ์ใหญ่อย่างถูกต้อง
6. อย่าแสดงอาการโอ้อวดในวงสนทนา คุณอาจจะถูกแตะออกจากวงสนทนาได้
7. ศึกษาการใช้ตัวย่อหรือสัญลักษณ์แสดงอารมณ์ จะช่วยให้คุณพิมพ์ประโยคได้สั้นลง
8. พยายามอย่าดึงการสนทนาให้ช้า ถ้าคุณไม่ว่างหรือติดธุระชั่วขณะ ควรแจ้งให้คู่สนทนาทราบด้วย
9. เพื่อความปลอดภัยของคุณ อย่าใช้ชื่อเล่นที่ชักจูงความสนใจมากเกินไป
10.ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชาย หรือ ผู้หญิง อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่บ้าน ที่ทำงาน หรือ อื่นๆ 11. ข้อควรระวังในการตั้งชื่อเพื่อการใช้งาน Sanook! QQ แต่ละตัว เราไม่ควรตั้งชื่อที่แสดงถึงข้อมูลส่วนตัวใดๆของเรา ชื่อเล่นที่ใช้ควรจะเป็นชื่ออะไรก้อได้ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็น ชื่อเล่น เช่น Smartgirl แทนที่จะเป็น Joy2531
12. ระมัดระวังในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวที่มีความสำคัญ เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือรหัสผ่าน ในการพูดคุยใน QQ
13. หากตัดสินใจที่จะพูดคุยหรือนัดพบกับคนแปลกหน้า ขอให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยไว้ด้วย ตัวอย่างเช่น อย่าไปพบกับบุคคลนั้นเพียงคนเดียว (พาเพื่อนหรือผู้ปกครองไปด้วย) นัดพบกันในสถานที่สาธารณะเพื่อความปลอดภัย เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารต่างๆ ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก
14. โปรแกรมแชตบางรายสามารถเชื่อมโยงชื่อใช้งานเข้ากับชื่ออีเมล์ของคุณที่ใช้จดทะเบียน ดังนั้น ยิ่งชื่ออีเมล์ถูกคนเข้าถึงได้มากเท่าไหร่ ก็อาจมีโอกาสได้รับ สแปมเมล์และ ถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การใช้โปรแกรมแชตคิวคิวนั้นปลอดภัยกว่าการใช้โปรแกรมแชตอื่นๆ เพราะผู้อื่นไม่สามารถรู้อีเมล์ของผู้ใช้ได้ อย่างไรก็ตามผู้ใช้ควรจะมีมาตรการป้องกันตัวเองจากข้อความที่ไม่พึงประสงค์ อย่าให้เผลอชื่อและอีเมล์แก่คนแปลกหน้า
15. ไม่ควรเปิดหรือดาวน์โหลดรูปภาพ ไฟล์ต่างๆ หรือคลิกที่ลิงก์ในข้อความที่ส่งมาจากบุคคลที่ไม่รู้จัก และหากมาจากบุคลที่รู้จักก็ควรจะสอบถามกับผู้ส่งว่าได้ส่งข้อความและสิ่งที่แนบมาจริงหรือไม่ หากไม่ใช่ให้ปิดโปรแกรมนั้นทันที
16. หากใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะตามร้าน Internet café ทั่วไป อย่าเลือกตัวเลือกที่อนุญาตให้เข้าระบบได้โดยอัตโนมัติ คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ถัดไปอาจจะใช้ชื่อของเราเข้าระบบได้
17. เราควรตรวจสอบเงื่อนไขและระเบียบข้อบังคับต่างๆ ในการใช้งาน และระเบียบการรักษาความเป็นส่วนตัวก่อนที่จะเข้าไปแชต
ตัวอย่าง โปรแกรมการใช้ Chat
ข้อสอบคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ( ตอน 5.การบริการ E-Mail)
5.การบริการ E-Mail
การบริการ E-Mail
อีเมล์ ( E-mail) ย่อมาจากคำว่า Electronics Mail ซึ่งก็แปลเป็นไทยได้ว่า ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง อีเมล์เป็นสิ่งที่ส่งระหว่างผู้หนึ่งไปถึงผู้หนึ่งในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยใช้เวลาเดินทางถึงผู้รับในเวลาไม่กี่นาที เร็วกว่าการส่งจดหมายแบบปกตินับพันนับหมื่นเท่า จึงน่าจะเป็นวิธีการสื่อสารที่มาแทนการส่งจดหมายได้อย่างดี จากสถิติของประเทศไทย พบว่าอีเมล์มีผลทำให้การส่งไปรษณีย์ระหว่างประเทศลดลงถึง ๕๐ % ภายในเวลา ๕ ปีที่ผ่านมา คงพอจะเห็นอิทธิพลของอีเมล์ว่าน่าจะทดแทนการส่งจดหมายในอนาคตได้ไม่ยากนัก อีเมล์ ไม่ใช่ส่งได้แค่ข้อความเท่านั้น แต่ยังส่งไฟล์ ( Attach File ) ไปได้ด้วย ทำให้สามารถส่งภาพ และ เสียงไปพร้อมกับอีเมล์ได้ แต่ทุก ๆ อย่างต้องอยู่ในรูปไฟล์ของคอมพิวเตอร์เท่านั้น เนื่องจากระบบอีเมล์เป็นการส่งระหว่างคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งนอกจากนี้อีเมล์สามารถจะส่งบนเครือข่ายภายในองค์กร (หรือที่นิยมเรียกกันว่า LAN ) หรือ จะส่งผ่าน Internet ก็ได้ แต่อีเมล์ที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นอีเมล์ที่ส่งกันใน Internet ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างมาก
E-mail Address เป็นข้อความสั้นๆ ที่แสดงที่อยู่ของผู้รับจดหมาย ประกอบด้วย ๓ ส่วน คือ
๑.ชื่อของผู้รับจดหมาย ซึ่งมักจะพบว่าส่วนนี้เป็นชื่อของผู้รับจดหมาย หรือบางคน ก็ใช้เป็นนามสกุล หรือ บางคนก็ชอบใช้เป็นชื่อเล่น หรือชื่อย่อ
๒.เครื่องหมาย @ หรือนิยมเรียกว่า แอ็ต เนื่องจากเสียงอ่านไปพ้องเสียงกับคำว่า At ซึ่งแปลว่า ที่เครื่องหมายนี้ใช้คั่นระหว่างชื่อผู้รับจดหมายกับที่อยู่
๓.ที่อยู่ของผู้รับ ซึ่งมักจะเป็นส่วนหนึ่งของโดเมนเนม หรือ อาจจะมีชื่ออื่น ๆ ปนมาด้วย ก็แล้วแต่ว่าผู้รับจะไปสมัครสมาชิกอีเมล์ไว้ที่ใดก็ได้ที่ผู้เขียนเป็นสมาชิกอีเมล์
โปรโตคอล E-mail
ถ้าจะติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่าย จะต้องใช้โปรโตคอล TCP/IP
TCP เพื่อแยกข้อมูลออกเป็นส่วนๆ เรียกว่า Package
IC เพื่อระบุหมายเลขประจำเครื่องปลายที่จะรับ หรือส่งข้อมูลไปถึง
เนื่องจากบริการรับ-ส่ง E-mail ผู้ใช้มีความต้องการที่หลากหลาย แตกต่างกัน รูปแบบการทำงานของบริการรับ-ส่ง E-mail ซึ่งเป็น ข้อกำหนดหรือโปรโตคอล ของการรับ-ส่ง Email จึงมีเพิ่มขึ้น ดังนี้
1.การรับส่ง E-mail ผู้ใช้จะระบุผู้รับปลายทางด้วย E-mail Address@ (ระบบจะเปลี่ยน domain name เป็น IP address ก่อนส่ง)
2.การรับ-ส่งไฟล์ที่เป็น E-mail ระบบจะทำการรับ-ส่งกันเป็นทอดๆ จาก domain หนึ่งไปอีก domain หนึ่ง ต่อๆ กันไป (ใช้โปรโตคอล SMTP)
3.ผู้ใช้อาจต้องการใช้โปรแกรม Web browser เปิดอ่านเมล์โดยตรง (Webmail)
4.ผู้ใช้อาจต้องการใช้โปรแกรม Microsoft Outlook, Outlook Express
เปิดเมล์แล้ว ต้องการให้เมล์ยังคงอยู่ใน Mailbox ที่ Webmail (ใช้โปรโตคอล IMAP4)
เปิดเมล์แล้ว ต้องการนำเมล์ (move)ไปเก็บในคอมพิวเตอร์ของตนเอง (POP3)
โปรโตคอล POP3
ผู้ใช้สามารถใช้โปรแกรม Microsoft Outlook (ติดตั้งพร้อมชุด Microsoft Office แสดงเมนูเป็นภาษาไทย) Outlook Express (ติดตั้งพร้อมระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ไม่มีเมนูเป็นภาษาไทย)
POP3 เป็นโปรโตคอลอีกรูปแบบหนึ่ง โปรแกรม Microsoft Outlook, Outlook Express ที่ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้จะติดต่อไปยัง Mail Server ที่ผู้ใช้ระบุจะ Download E-mail ในลักษณะของการ Move E-mail จาก Mail Server มายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ดังนั้น E-mail จะไม่ถูกเก็บที่ Mail Server
ข้อควรคิดในการใช้แบบ POP3
- Mail จะถูก Download มาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นถ้าผู้ใช้ติดต่อเข้าไปยัง Mail Server โดยใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น จะเห็นเฉพาะ Mail ฉบับใหม่
- Address Book ที่สร้างขึ้นจะเป็นการสร้างขึ้นในโปรแกรม Microsoft Outlook, Outlook Express (ซึ่งอยู่ในเครื่อง PC ที่ติดต่อ) ไม่ได้สร้างขึ้นที่ Mail Server
- จะได้พื้นที่ของ Mailbox แบบไม่จำกัด เนื่องจากโปรแกรม Microsoft Outlook, Outlook Express จะใช้พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์ในเครื่อง PC
โปรโตคอล SMTP
E-mail ที่ส่งไปยังผู้รับในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ใช้วิธีการรับ-ส่งกันเป็นทอดๆ ซึ่งเป็นข้อกำหนดของโปรโตคอล SMTP ที่จะส่ง E-mail ผ่านเครื่อง Mail Server จำนวนมากที่เชื่อมต่อกันในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต E-mail จะถูกส่งไปจนถึงเครื่องตามที่ระบุไว้ใน domain name (ส่วนที่สามของ email address)
ก่อนกระบวนการส่ง domain name จะถูกแปลงเป็น IP เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านของคอมพิวเตอร์
E-mail จะถูกแบ่งออกเป็น Package ตามเงื่อนไขของโปรโตคอล TCP รูปแบบของการเปิดอ่าน E-mail ที่ส่งมาถึง Mail Server (ตาม domain name ที่ระบุไว้ใน Email Address) ขึ้นอยู่กับการบริการของ Mail Server ที่มีหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันมี 3 รูปแบบ
แบบ Webmail
แบบ POP3
แบบ IMAP4
ตัวอย่าง แบบ Webmail
ผู้ใช้สามารถใช้โปรแกรม Web browser เปิดอ่าน E-mail ได้โดยตรง รับ-ส่ง E-mail ได้ มีพื้นที่เก็บ E-mail ใน Mailbox
ข้อควรระวังในการใช้ Webmail
ถ้า Mail Server เสียหาย E-mail ใน Mailbox ย่อมต้องเสียหายด้วย Mailbox มีขนาดของพื้นที่ ต้องระมัดระวังเรื่องพื้นที่ของ Mailbox ถูกใช้งานจนเต็มพื้นที่ จะทำให้รับส่ง E-mail ไม่ได้
โปรโตคอล SPAM MAIL
สแปม (spam) คือชื่อเรียกของการส่งข้อความที่ผู้รับไม่ได้ร้องขอ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยส่วนมากจะทำให้เกิดความไม่พอใจต่อผู้รับข้อความ สแปมที่พบเห็นได้บ่อยได้แก่ การส่งสแปมผ่านทางอีเมล ในการโฆษณาชวนเชื่อ หรือโฆษณาขายของ โดยการส่ง อีเมลประเภทหนึ่งที่เราไม่ต้องการ ซึ่งจะมาจากทั่วโลก โดยที่เราไม่รู้เลยว่า ผู้ที่ส่งมาให้นั้นเป็นใคร จุดประสงค์คือ ผู้ส่งส่วนใหญ่ต้องการที่จะโฆษณา สินค้าหรือบริการต่าง ๆ ของบริษัทของตนเอง ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของเมลขยะซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้รับรำคาญใจและเสียเวลาในการกำจัดข้อความเหล่านี้แล้ว สแปมยังทำให้ประสิทธิภาพการขนส่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตลดลงด้วย สแปมในรูปแบบอื่นนอกจาก อีเมลสแปม ได้แก่ เมสเซนเจอร์สแปม นิวส์กรุ๊ปสแปม บล็อกสแปม และเอสเอ็มเอสสแปม
การส่งสแปมเริ่มแพร่หลายเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการส่งข้อความผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีค่าใช้จ่ายน้อยมากเมื่อเทียบการการส่งข้อความชักชวนทางอื่น เช่นทางจดหมาย หรือการโฆษณาทางสื่อต่างๆ ทำให้ผู้ส่งประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่งข้อความเชิญชวน และในขณะเดียวกันกฎหมายเกี่ยวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับสแปมยังไม่ครอบคลุม จนกระทั่งเริ่มมีใช้ครั้งแรกปี พ.ศ. 2546
(ค.ศ. 2003) ในประเทศสหรัฐอเมริกา
โปรโตคอล JUNK MAIL
JUNK MAIL ระบบ Junk Mail Manager ของซีเอส ล็อกซอินโฟ ทำหน้าที่กักเก็บอีเมล์ที่ไม่พึงประสงค์ มีระบบจัดการอีเมล์ ซึ่งอนุญาตให้คุณสามารถจัดการกับอีเมล์ที่ถูกดักจับไว้อย่างมีประสิทธิภาพวิธีการจัดการกับอีเมล์ไม่พึงประสงค์ มีดังต่อไปนี้การจัดการอีเมล์ไม่พึงประสงค์ผ่านเว็บ : แรกเริ่ม ระบบจะทำการส่ง Welcome message ไปยังผู้ใช้บริการ ซึ่งเมื่อคุณคลิกที่ My Junk Mail link คุณสามารถ Login เข้าไปเพื่อจัดการกับอีเมล์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ได้ เมื่อคุณเห็นว่า มีอีเมล์ที่ดีบางฉบับถูกดักจับเป็นแสปม คุณสามารถทำการส่ง (deliver) หรืออนุมัติ (approve) เพื่อส่ง mail ที่ถูกกักไว้เข้าไปยัง account ของคุณ Note: แสปมที่ถูกเก็บไว้จะถูกเก็บไว้ และอีเมล์ที่เก่ากว่าระยะเวลาที่ทางผู้ดูแลระบบกำหนดไว้จะถูกลบ ค่าที่ตั้งไว้ปัจจุบัน คือ 5 วันการจัดการอีเมล์ไม่พึงประสงค์จากโปรแกรมอีเมล์ : ในทุก ๆ วัน ระบบจะส่ง Junk Mail Manager Summary, ซึ่งเป็นรายการอีเมล์ที่ถูกเก็บไว้ในระบบ จากรายการ คุณสามารถเปิดดูเนื้อหาอีเมล์ ทำการส่ง (deliver) หรืออนุมัติ (approve) เพื่อส่ง mail จาก Junk Mail Manager เข้าไปยังเมล์บอกซ์ของคุณตามต้องการ
การบริการ E-Mail
อีเมล์ ( E-mail) ย่อมาจากคำว่า Electronics Mail ซึ่งก็แปลเป็นไทยได้ว่า ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง อีเมล์เป็นสิ่งที่ส่งระหว่างผู้หนึ่งไปถึงผู้หนึ่งในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยใช้เวลาเดินทางถึงผู้รับในเวลาไม่กี่นาที เร็วกว่าการส่งจดหมายแบบปกตินับพันนับหมื่นเท่า จึงน่าจะเป็นวิธีการสื่อสารที่มาแทนการส่งจดหมายได้อย่างดี จากสถิติของประเทศไทย พบว่าอีเมล์มีผลทำให้การส่งไปรษณีย์ระหว่างประเทศลดลงถึง ๕๐ % ภายในเวลา ๕ ปีที่ผ่านมา คงพอจะเห็นอิทธิพลของอีเมล์ว่าน่าจะทดแทนการส่งจดหมายในอนาคตได้ไม่ยากนัก อีเมล์ ไม่ใช่ส่งได้แค่ข้อความเท่านั้น แต่ยังส่งไฟล์ ( Attach File ) ไปได้ด้วย ทำให้สามารถส่งภาพ และ เสียงไปพร้อมกับอีเมล์ได้ แต่ทุก ๆ อย่างต้องอยู่ในรูปไฟล์ของคอมพิวเตอร์เท่านั้น เนื่องจากระบบอีเมล์เป็นการส่งระหว่างคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งนอกจากนี้อีเมล์สามารถจะส่งบนเครือข่ายภายในองค์กร (หรือที่นิยมเรียกกันว่า LAN ) หรือ จะส่งผ่าน Internet ก็ได้ แต่อีเมล์ที่จะกล่าวถึงนี้ เป็นอีเมล์ที่ส่งกันใน Internet ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างมาก
E-mail Address เป็นข้อความสั้นๆ ที่แสดงที่อยู่ของผู้รับจดหมาย ประกอบด้วย ๓ ส่วน คือ
๑.ชื่อของผู้รับจดหมาย ซึ่งมักจะพบว่าส่วนนี้เป็นชื่อของผู้รับจดหมาย หรือบางคน ก็ใช้เป็นนามสกุล หรือ บางคนก็ชอบใช้เป็นชื่อเล่น หรือชื่อย่อ
๒.เครื่องหมาย @ หรือนิยมเรียกว่า แอ็ต เนื่องจากเสียงอ่านไปพ้องเสียงกับคำว่า At ซึ่งแปลว่า ที่เครื่องหมายนี้ใช้คั่นระหว่างชื่อผู้รับจดหมายกับที่อยู่
๓.ที่อยู่ของผู้รับ ซึ่งมักจะเป็นส่วนหนึ่งของโดเมนเนม หรือ อาจจะมีชื่ออื่น ๆ ปนมาด้วย ก็แล้วแต่ว่าผู้รับจะไปสมัครสมาชิกอีเมล์ไว้ที่ใดก็ได้ที่ผู้เขียนเป็นสมาชิกอีเมล์
โปรโตคอล E-mail
ถ้าจะติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่าย จะต้องใช้โปรโตคอล TCP/IP
TCP เพื่อแยกข้อมูลออกเป็นส่วนๆ เรียกว่า Package
IC เพื่อระบุหมายเลขประจำเครื่องปลายที่จะรับ หรือส่งข้อมูลไปถึง
เนื่องจากบริการรับ-ส่ง E-mail ผู้ใช้มีความต้องการที่หลากหลาย แตกต่างกัน รูปแบบการทำงานของบริการรับ-ส่ง E-mail ซึ่งเป็น ข้อกำหนดหรือโปรโตคอล ของการรับ-ส่ง Email จึงมีเพิ่มขึ้น ดังนี้
1.การรับส่ง E-mail ผู้ใช้จะระบุผู้รับปลายทางด้วย E-mail Address
2.การรับ-ส่งไฟล์ที่เป็น E-mail ระบบจะทำการรับ-ส่งกันเป็นทอดๆ จาก domain หนึ่งไปอีก domain หนึ่ง ต่อๆ กันไป (ใช้โปรโตคอล SMTP)
3.ผู้ใช้อาจต้องการใช้โปรแกรม Web browser เปิดอ่านเมล์โดยตรง (Webmail)
4.ผู้ใช้อาจต้องการใช้โปรแกรม Microsoft Outlook, Outlook Express
เปิดเมล์แล้ว ต้องการให้เมล์ยังคงอยู่ใน Mailbox ที่ Webmail (ใช้โปรโตคอล IMAP4)
เปิดเมล์แล้ว ต้องการนำเมล์ (move)ไปเก็บในคอมพิวเตอร์ของตนเอง (POP3)
โปรโตคอล POP3
ผู้ใช้สามารถใช้โปรแกรม Microsoft Outlook (ติดตั้งพร้อมชุด Microsoft Office แสดงเมนูเป็นภาษาไทย) Outlook Express (ติดตั้งพร้อมระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ไม่มีเมนูเป็นภาษาไทย)
POP3 เป็นโปรโตคอลอีกรูปแบบหนึ่ง โปรแกรม Microsoft Outlook, Outlook Express ที่ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้จะติดต่อไปยัง Mail Server ที่ผู้ใช้ระบุจะ Download E-mail ในลักษณะของการ Move E-mail จาก Mail Server มายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ดังนั้น E-mail จะไม่ถูกเก็บที่ Mail Server
ข้อควรคิดในการใช้แบบ POP3
- Mail จะถูก Download มาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นถ้าผู้ใช้ติดต่อเข้าไปยัง Mail Server โดยใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น จะเห็นเฉพาะ Mail ฉบับใหม่
- Address Book ที่สร้างขึ้นจะเป็นการสร้างขึ้นในโปรแกรม Microsoft Outlook, Outlook Express (ซึ่งอยู่ในเครื่อง PC ที่ติดต่อ) ไม่ได้สร้างขึ้นที่ Mail Server
- จะได้พื้นที่ของ Mailbox แบบไม่จำกัด เนื่องจากโปรแกรม Microsoft Outlook, Outlook Express จะใช้พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์ในเครื่อง PC
โปรโตคอล SMTP
E-mail ที่ส่งไปยังผู้รับในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ใช้วิธีการรับ-ส่งกันเป็นทอดๆ ซึ่งเป็นข้อกำหนดของโปรโตคอล SMTP ที่จะส่ง E-mail ผ่านเครื่อง Mail Server จำนวนมากที่เชื่อมต่อกันในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต E-mail จะถูกส่งไปจนถึงเครื่องตามที่ระบุไว้ใน domain name (ส่วนที่สามของ email address)
ก่อนกระบวนการส่ง domain name จะถูกแปลงเป็น IP เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านของคอมพิวเตอร์
E-mail จะถูกแบ่งออกเป็น Package ตามเงื่อนไขของโปรโตคอล TCP รูปแบบของการเปิดอ่าน E-mail ที่ส่งมาถึง Mail Server (ตาม domain name ที่ระบุไว้ใน Email Address) ขึ้นอยู่กับการบริการของ Mail Server ที่มีหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันมี 3 รูปแบบ
แบบ Webmail
แบบ POP3
แบบ IMAP4
ตัวอย่าง แบบ Webmail
ผู้ใช้สามารถใช้โปรแกรม Web browser เปิดอ่าน E-mail ได้โดยตรง รับ-ส่ง E-mail ได้ มีพื้นที่เก็บ E-mail ใน Mailbox
ข้อควรระวังในการใช้ Webmail
ถ้า Mail Server เสียหาย E-mail ใน Mailbox ย่อมต้องเสียหายด้วย Mailbox มีขนาดของพื้นที่ ต้องระมัดระวังเรื่องพื้นที่ของ Mailbox ถูกใช้งานจนเต็มพื้นที่ จะทำให้รับส่ง E-mail ไม่ได้
โปรโตคอล SPAM MAIL
สแปม (spam) คือชื่อเรียกของการส่งข้อความที่ผู้รับไม่ได้ร้องขอ ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยส่วนมากจะทำให้เกิดความไม่พอใจต่อผู้รับข้อความ สแปมที่พบเห็นได้บ่อยได้แก่ การส่งสแปมผ่านทางอีเมล ในการโฆษณาชวนเชื่อ หรือโฆษณาขายของ โดยการส่ง อีเมลประเภทหนึ่งที่เราไม่ต้องการ ซึ่งจะมาจากทั่วโลก โดยที่เราไม่รู้เลยว่า ผู้ที่ส่งมาให้นั้นเป็นใคร จุดประสงค์คือ ผู้ส่งส่วนใหญ่ต้องการที่จะโฆษณา สินค้าหรือบริการต่าง ๆ ของบริษัทของตนเอง ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของเมลขยะซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้รับรำคาญใจและเสียเวลาในการกำจัดข้อความเหล่านี้แล้ว สแปมยังทำให้ประสิทธิภาพการขนส่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตลดลงด้วย สแปมในรูปแบบอื่นนอกจาก อีเมลสแปม ได้แก่ เมสเซนเจอร์สแปม นิวส์กรุ๊ปสแปม บล็อกสแปม และเอสเอ็มเอสสแปม
การส่งสแปมเริ่มแพร่หลายเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการส่งข้อความผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีค่าใช้จ่ายน้อยมากเมื่อเทียบการการส่งข้อความชักชวนทางอื่น เช่นทางจดหมาย หรือการโฆษณาทางสื่อต่างๆ ทำให้ผู้ส่งประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่งข้อความเชิญชวน และในขณะเดียวกันกฎหมายเกี่ยวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับสแปมยังไม่ครอบคลุม จนกระทั่งเริ่มมีใช้ครั้งแรกปี พ.ศ. 2546
(ค.ศ. 2003) ในประเทศสหรัฐอเมริกา
โปรโตคอล JUNK MAIL
JUNK MAIL ระบบ Junk Mail Manager ของซีเอส ล็อกซอินโฟ ทำหน้าที่กักเก็บอีเมล์ที่ไม่พึงประสงค์ มีระบบจัดการอีเมล์ ซึ่งอนุญาตให้คุณสามารถจัดการกับอีเมล์ที่ถูกดักจับไว้อย่างมีประสิทธิภาพวิธีการจัดการกับอีเมล์ไม่พึงประสงค์ มีดังต่อไปนี้การจัดการอีเมล์ไม่พึงประสงค์ผ่านเว็บ : แรกเริ่ม ระบบจะทำการส่ง Welcome message ไปยังผู้ใช้บริการ ซึ่งเมื่อคุณคลิกที่ My Junk Mail link คุณสามารถ Login เข้าไปเพื่อจัดการกับอีเมล์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ได้ เมื่อคุณเห็นว่า มีอีเมล์ที่ดีบางฉบับถูกดักจับเป็นแสปม คุณสามารถทำการส่ง (deliver) หรืออนุมัติ (approve) เพื่อส่ง mail ที่ถูกกักไว้เข้าไปยัง account ของคุณ Note: แสปมที่ถูกเก็บไว้จะถูกเก็บไว้ และอีเมล์ที่เก่ากว่าระยะเวลาที่ทางผู้ดูแลระบบกำหนดไว้จะถูกลบ ค่าที่ตั้งไว้ปัจจุบัน คือ 5 วันการจัดการอีเมล์ไม่พึงประสงค์จากโปรแกรมอีเมล์ : ในทุก ๆ วัน ระบบจะส่ง Junk Mail Manager Summary, ซึ่งเป็นรายการอีเมล์ที่ถูกเก็บไว้ในระบบ จากรายการ คุณสามารถเปิดดูเนื้อหาอีเมล์ ทำการส่ง (deliver) หรืออนุมัติ (approve) เพื่อส่ง mail จาก Junk Mail Manager เข้าไปยังเมล์บอกซ์ของคุณตามต้องการ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)